2565
เพิ่มทุนจดทะเบียนจํานวน 150,000,000 บาท จากเดิม 150,000,000 บาท เป็น 300,000,000 บาท โดยออก หุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 1,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมตาม สัดส่วนการถือหุ้น โดยเรียกชําระค่าหุ้นที่ร้อยละ 50 คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 75,000,000 บาท เพื่อใช้เป็น เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
ลดทุนจดทะเบียนจํานวน 75,000,000 บาท จาก 300,000,000 บาท เป็น 225,000,000 บาท โดยการลด มูลค่าหุ้น จากเดิมหุ้นละ 100 บาท เป็น 75 บาท ภายหลังการจดทะเบียนลดทุน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน จํานวน 225,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจํานวน 3,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 75 บาท และให้ถือว่าผู้ถือหุ้นได้ชําระค่าหุ้นเต็มจํานวนแล้ว
แปรสภาพจากบริษัทจํากัดเป็นบริษัทมหาชนจํากัด และเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นจากหุ้นละ 75 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท พร้อมกับเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จํานวน 85,000,000 บาท แบ่งออกเป็น หุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 170,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จากทุนจดทะเบียนเต็มจํานวน 225,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จํานวน 310,000,000 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้น สามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)
ปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทั้งหมด 8 รายขายหุ้นที่ถืออยู่บางส่วนรวมจํานวน 160,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 35.56 ให้แก่บริษัท ไทย จอยเวนเจอร์ กรุ๊ปส์ จํากัด (TJV) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่มีผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกันและในสัดส่วนเดียวกันกับบริษัทฯ ส่งผลให้ TJV มีสถานะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นราย ใหญ่ของบริษัทฯ ในสัดส่วนร้อยละ 35.56 ของหุ้นที่ออกและจําหน่ายแล้วทั้งหมด โดยส่วนได้เสียของผู้ถือหุ้น ทุกรายในบริษัทฯ หลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม
นายณัฏฐ์ฯ ได้เจรจาขอซื้อหุ้นจากนายปรีชา สินยาภา ซึ่ง ณ ขณะนั้นถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมในบริษัทฯ ใน สัดส่วนร้อยละ 31.67 โดยนายปรีชาฯ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหาร ตกลงที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้น โดยการขายหุ้นจํานวน 70,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท (เทียบเท่ากับมูลค่ายุติธรรมของหุ้น ณ ขณะนั้น) ให้แก่นายณัฏฐ์ฯ ส่งผลให้นายณัฏฐ์ฯ มีสัดส่วนการถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมในบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 48.76 ขณะที่นายปรีชาฯ มีสัดส่วนการถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมในบริษัทฯ ลดลงเป็นร้อยละ 16.11
นายอมร ทาทอง (กรรมการและกรรมการบริหาร) ถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมในบริษัทฯ ในสัดส่วนร้อยละ 33.20 ลดสัดส่วนการถือหุ้นโดยการขายหุ้น จํานวน 25,000,000 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้บริหารจํานวน 5 รายรายละ 5,000,000 หุ้น รวม 25,000,000 หุ้นในราคาหุ้น ละ 5.50 บาท เพื่อให้ผู้บริหารทั้ง 5 รายมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของบริษัทฯ มากขึ้น ส่งผลให้นายอมรฯ มีสัดส่วนการถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมในบริษัทฯ ลดลงเหลือร้อยละ 27.64 ขณะที่ผู้บริหาร 5 ราย แต่ละรายมีสัดส่วนการถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมในบริษัทฯ ระหว่างร้อยละ 1.41 – 1.71